ทำเสิร์ชเอนจิ้นไม่เป็น ถือว่าทำธุรกิจออนไลน์ไม่เป็น
อยากเป็นนักธุรกิจออนไลน์แบบมืออาชีพ ต้องทำ SEO เป็น

เรียนรู้เทคนิคการทำเสิร์ชเอนจิ้น เทคนิคการทำ SEO

ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง ไม่มีใครสอน

ทุกๆอย่าง คือ Learning By Doing ทั้งสิ้น

สมัยกูเกิ้ลเข้ามาในไทยช่วงแรกๆ ยังไม่มีใครเขียนหนังสือเกี่ยวกับ SEO

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การปรับแต่งเนื้อหา(ของบทความ)ให้เข้าหรือตรงกับเครื่องมือค้นหา( Search Engine )ด้วยการใช้ คำค้นหา( Keyword )ซึ่งคำที่ใช้ในการค้นหา มีทั้งคำค้นหาสั้น( Shot Keyword )และ คำค้นหายาว( Long Keyword )คำค้นหาสั้น เช่น โรงแรม  บ้าน  คอนโด เป็นต้น คีย์เวิร์ดเหล่านี้จะแข่งขันกันสูงมาก คำค้นหาสั้นจะค่อนข้างติดยาก ต้องใช้พลังมากเป็นพิเศษ ส่วนคำค้นยาว จะติดง่าย(ทำ SEO ติดง่าย)เช่น คีย์เวิร์ด เทคนิคการทำ SEO หรือ เทคนิคการทำเสิร์ชเอนจิ้น เป็นต้น ทำเรื่อยๆคุณก็จะเก่งและชำนาญไปเอง กลายเป็นเรื่องปกติ

การทำการเรื่องใดๆล้วนมีเทคนิคและวิธีการต่างๆมากมาย เช่นเดียวกันกับการทำเสิร์ชเอนจิ้น(ทำ SEO )หรือ Search Engine เพื่อให้ข้อมูลของเราถูกจัดอันดับให้ดีๆในเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลอย่าง Google มันจะมีเทคนิคและวิธีการทำเป็นพิเศษ จะปรับแต่งเว็บเพจอย่างไรจึงจะให้ เครื่องมือค้นหา( Search Engine )หาข้อมูลเราเจอได้แบบง่ายๆจัดอันดับข้อมูลของเราไว้ในอันดับแรกๆในหน้าแรก เพื่อให้ลูกค้าและผู้คนจำนวนมากหาเราเจอได้แบบง่ายๆ สินค้าหรือบริการก็จะขายได้แบบง่ายๆโดยไม่ต้องไปซื้อโฆษณาให้เปลืองเงินอีกต่อไป เอาค่าโฆษณามาแปลงเป็นกำไรจะดีกว่าไหม

เสิร์ชเอนจิ้น หรือ Search Engine คืออะไร ???
Search Engine คือ เครื่องมือค้นหา(ข้อมูล) แปลตรงๆก็คือ เครื่องยนต์ค้นหา(ข้อมูล)ในเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลซึ่งมีหลายเจ้า แต่เจ้าใหญ่สุดคงหนีไม่พ้น Google เป็นเว็บไซต์ Search Engine อันดับ 1 ของโลกให้บริการทุกๆภาษาในโลกนี้ รวมทั้งภาษาไทยของเรา จึงมีเว็บไซต์ค้นหาภาษาไทยอย่าง  Google.co.th นี้แหละ กูเกิ้ลจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดในโลกออนไลน์ นำมารวบรวมในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของกูเกิ้ล รวมทั้งข้อมูลของคุณด้วย โดยคุณไม่จำเป็นต้องไปเรียนเชิญให้กูเกิ้ลมาเก็บข้อมูล เจ้า Robot ของกูเกิ้ลทำงานตลอดเวลา(เหมือน AI )เมื่อใดที่มีการอัพโหลดข้อมูลขึ้นโลกออนไลน์เมื่อใดที่ใด มันไปทำการ Index เก็บข้อมูลนำมาจัดเรียงไว้ในฐานข้อมูลของกูเกิ้ลทันที ถ้าข้อมูลใดมีคุณภาพดีคุณภาพสูง มันจะจัดการเรียงไว้อันดับ 1 , 2 ,3 ,4 ,5.......ตามลำดับคุณภาพดีมาก ดีน้อย ไม่ดีเลยก็วางไว้ท้ายๆหรือไม่เก็บให้รกในฐานข้อมูล เมื่อเรารู้แล้วว่า เจ้า Robot มันจะทำการเก็บข้อมูลที่มีคุณภาพดีเยี่ยมเป็นอันดับแรก เว็บไซต์ใดที่มีข้อมูลคุณภาพเยี่ยมเป็นจำนวนมาก เจ้า Robot มันจะหลงไหลมาเยี่ยมและเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เราจึงต้องทำข้อมูล(เขียนเนื้อหาที่เป็นบทความ)ให้ออกมาโดนใจเจ้า Robot หลงเสน่ห์ให้ได้

  ใครที่ทำ SEO ได้ดีกว่ามีคุณภาพกว่า คนนั้นชนะ

ผู้ใดที่ปรับแต่งบทความ( ทำContent )ได้ดีกว่าไปจนถึงดีเยี่ยม กูเกิ้ลก็จะจัดอันดับไว้อันดับแรกๆให้เลย ดีมากก็จัดอันดับรองลงมา ไปจนถึงพอใช้ได้ก็อันดับสุดท้ายของคีย์เวิร์ดนั้นๆ ตัวเครื่องมือ Search Engine จะทำงานด้วยการค้นหาตาม คำค้นหา( Keyword )ของเราและผู้คนทั่วโลก ที่ใช้คีย์เวิร์ดค้นหาในเว็บไซต์ของ เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลอย่าง Google ซึ่งสามารถหาข้อมูลได้ทุกๆอย่าง ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ อยากรู้เรื่องใด อยากซื้ออะไร อยากได้อะไร ไปที่เว็บไซต์ค้นหาข้อมูลอย่าง Google รู้ผลภายในพริบตาเท่านั้น นี้คือ อานุภาพของ คีย์เวิร์ด หรือ คำค้นหา ดังนั้น เราจึงจะปรับแต่งเว็บไซต์เนื้อหาในเพจของเราให้เครื่องมือ Search Engine ค้นหาเราเจอแบบง่ายๆขึ้น นั่นคือ ลูกค้าและเงินทั้งนั้น ยิ่งใช้คีย์เวิร์ดสร้างเนื้อหาให้มากเท่าใด ผู้คนยิ่งเข้าถึงคุณได้ง่ายและมากขึ้นเรื่อยๆ 

การเขียนเนื้อหาบทความ( Content )

เนื้อหาบทความหรือคอนเท้นท์ในเว็บเพจที่สมบูรณ์แบบจะประกอบไปด้วย

1 ) ชื่อเรื่อง สำหรับชื่อเรื่องของบทความ ให้ใช้ คีย์เวิร์ด( Keyword )ได้เลย เช่น คุณขายไม้ประดับ ก็ให้ใช้ชื่อเรื่องว่า  จำหน่ายไม้ประดับ หรือ ขายไม้ประดับ(เป็นคนละคีย์เวิร์ด)

2 ) บทนำของบทความ( Title )เขียนบทนำของบทความ โดยมีการแทรกคีย์เวิร์ดชื่อเรื่องอย่างน้อย 1 จุด แต่อย่าให้มากเกิน( Robot จะมองเป็น Spam )สำหรับบทนำให้เขียนเป็นลักษณะโฆษณาจะดีมากๆ ตัวอย่างเช่น ที่นี่..จำหน่ายไม้ประดับ ขายไม้ประดับสวยงามราคาย่อมเยา จัดส่งทั่วประเทศ เป็นต้น

3 ) รายละเอียดของเนื้อหา( Description )บทความ มีการแทรกคีย์เวิร์ดเป็นระยะๆแต่ห้ามมากเกิน จะเข้าข่ายสร้าง Spam โดย Reject ทิ้งได้ง่ายๆ

4 ) สรูปจบของเนื้อหาทั้งหมดประมาณ 4-5 บรรทัด 

5 ) คำที่ใช้ค้นหา ส่วนนี้สามารถเพิ่มเติมได้หลังจากสรูปจบเรียบร้อยแล้ว หรือไม่ต้องเขียนก็ได้(ไม่จำเป็น)

   นี้คือ ขอบเขตของการเขียนเนื้อหาบทความ( Content )ในแต่ละเพจ แต่ละบทความ เจ้า Robot มันจะทำการ Index เนื้อหาในบทความที่เราเขียนส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความก็ได้ มันจะเรียบเรียงให้ในบางกรณี แต่ถ้าเราเรียบเรียงได้ดีมีคุณภาพแล้ว มันจะทำการนำข้อความที่เราเขียนขึ้นไปวางในฐานข้อมูลทันที เวลาที่ผู้คนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เราเขียนขึ้น เครื่องมือค้นหา( Search Engine )ก็จะวิ่งไปที่ฐานข้อมูลที่มีคีย์เวิร์ดนั้นๆทันที ถ้าข้อมูลเรามีคุณภาพเยี่ยม มันจะยกให้อันดับ 1 ทันที แต่อย่าลืม อันดับอาจลดลงได้ทุกเมื่อได้ วิธีการคอนโทรลคีย์เวิร์ดก็คือ มั่นอัพเดทคีย์เวิร์ดที่ใกล้เคียงบ่อยๆ มันจะไม่ค่อยเลื่อนมาก หรืออาจสลับกันกับอันดับถัดไป 

ข้อห้ามเด็ดขาดในการทำ SEO

ห้ามก๊อปปี้ข้อมูลของเว็บไซต์อื่นๆหรือแม้กระทั่งเว็บไซต์ของตัวเอง(กรณีที่มีหลายเว็บไซต์)มาลงข้อมูลในเพจที่กำลังทำ SEO เป็นอันขาด เพราะเจ้า Robot(ตัวเก็บข้อมูลหรือตัว Index ข้อมูล)มันจะลงโทษด้วยการ Reject ข้อมูลทั้งหมดของเว็บไซต์ทิ้งหมด(ไม่เหลือในฐานข้อมูลเดิมที่ Index ไป)ดังนั้น ลูกค้าค้นหาสินค้าหรือบริการของคุณ ก็จะไม่เห็นข้อมูลของคุณเลย(เพราะถูก Reject ทิ้งไปแล้ว)

วิธีแก้ไขกรณีที่พลาดไปก๊อปปี้ข้อมูลมาทำ SEO

ด้วยการ Delete เพจที่ทำ SEO นั้นทิ้งให้หมด(เพจที่มีการนำก๊อปปี้มาวาง)แล้วทำการอัพเดททำ SEO ใหม่ทันที ไม่เกิน 2 เดือนข้อมูลเก่าๆก็จะเริ่มกลับมาเหมือนเดิม ถ้าเป็นการก๊อปปี้จากเวิร์ดที่เขียนคอนเท้นท์ SEO ไว้แล้ว กรณีนี้ไม่เป็นไร การทำ SEO ถ้าให้ดีควรทำบนเวิร์ด(ถ้ายังไม่เก่งพอ)เพราะจะได้แก้ไข ปรับแต่ง กรองบทความที่เขียนขึ้นได้ง่ายๆก่อนที่จะก๊อปปี้นำไปลงบนเพจที่สร้างขึ้น 

ตัวอย่างจริง SEO

 รวยด้วยอีคอมเมิร์ซ/รวยด้วยE-commerce

 จำหน่ายจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย คลิกที่นี่

ใน SEO ข้างบนจะมีคีย์เวิร์ดแทรกอยู่หลายตัว ในบทความหนึ่งๆหรือในเว็บเพจหนึ่งๆ อาจจะมีคีย์เวิร์ดที่ค้นหาได้มากกว่า 1 คีย์เวิร์ดขึ้นไป ขอให้ทำ SEO เป็นกันทุกๆคนที่มุ่งมั่นจะทำอีคอมเมิร์ซหรือค้าขายออนไลน์ให้รวยจริง อยากเห็นคนไทยที่ค้าขายออนไลน์อยู่แต่ละท้องที่ทั่วประเทศ ทำเสิร์ชเอนจิ้น เป็นกันทุกๆคน จะได้ประหยัดโฆษณา ไม่ต้องกลัวว่าเงินค่าโฆษณาจะหมดตอนไหน(โฆษณาหยุดแสดง)

                ขอให้โชคดีกันทุกๆคนครับ

บทความนี้เขียนเมื่อ 28/5/68 ถ่ายทอดโดยผู้สูงวัย(สว.)จึงต้องใช้ตัวหนาและตัวใหญ่เพราะอายุมากแล้ว ไม่ถนัดอักษรเล็ก

คลุกคลีอยู่ในวงการอีคอมเมิร์ซมาตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน

                                        ( กลับหน้าแรก )